ผ่านการสร้างเงื่อนไขทำให้เราสามารถเปลี่ยนคำสั่งตามเงื่อนไขที่ต้องการได้ เรียนกับ Ultimate Python
เพิ่มความฉลาดให้กับโปรแกรม
หากเราเขียนคำสั่งให้กับคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ก็จะทำตามคำสั่งตรงตัวในทุกครั้ง ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีที่ทำให้เราสามารถสั่งคำสั่งตามที่เราต้องการได้ในทุกครั้ง แต่ในขณะเดียวกันการสั่งคำสั่งบางอย่างเราต้องการให้คอมพิวเตอร์มีการปรับแต่งการกระทำ ตามเงื่อนไขบางอย่างที่เปลี่ยนไป เพื่อให้มันสามารถตอบสนองกับสถานการณ์ได้ดีขึ้น
จึงเกิดเงื่อนไขที่ใช้สำหรับการ แยกกรณี เพื่อสั่งคำสั่งตามเงื่อนไขที่ต้องการ หรือชื่อทางการเรียกว่า Conditional Statement
กรณีตัวอย่าง
สร้างเงื่อนไขที่เปรียบเทียบค่า 2 ค่า และแสดงผลให้เห็นว่าค่าไหนมีค่ามากกว่ากัน หรือสุดท้ายแล้ว 2 ค่านี้มีค่าเท่ากัน
ข้อมูลที่ใช้
เราจะทำการจำลองการมีอยู่ของค่าทางคณิตศาสตร์ 2 ค่าเก็บไว้ในตัวแปร a และตัวแปร b
In [1]:
a = 5
b = 10
ผลลัพธ์ที่ต้องการ
จะถูกใช้เพื่อสร้างเงื่อนไขตามที่เราต้องการ โดยทำการแยกกรณีของการกระทำที่เกิดขึ้นได้ และสร้างเงื่อนไขที่สร้างค่า Boolean True เมื่อต้องการให้เกิดการกระทำ และ False เมื่อต้องการให้ไม่เกิดการกระทำ
ผลลัพธ์ที่ต้องการแบ่งออกเป็น 3 กรณี
แสดงผลว่า a มากกว่า b
In [2]:
print('a มีค่ามากกว่า b')
a มีค่ามากกว่า b
แสดงผลว่า a น้อยกว่า b
In [3]:
print('a มีค่าน้อยกว่า b')
a มีค่าน้อยกว่า b
แสดงผลว่า a เท่ากับ b
In [4]:
print('a มีค่าเท่ากับ b')
a มีค่าเท่ากับ b
สร้างเงื่อนไข
เงื่อนไขจะถูกสร้างเพื่อบอกว่าเมื่อไรการกระทำใดจะได้ใช้งาน โดยเงื่อนไขคือชุดคำสั่งที่ทำการตรวจสอบสิ่งที่ต้องการและได้ผลลัพธ์มาเป็น Boolean True หรือ False ตามสถานะของเงื่อนไขนั้นๆ
เงื่อนไขของทั้ง 3 กรณี
เงื่อนไขเช็คว่า a มากกว่า b
In [5]:
a > b
Out[5]:
False
เงื่อนไขเช็คว่า a น้อยกว่า b
In [6]:
a < b
Out[6]:
True
เงื่อนไขเช็คว่า a เท่ากับ b
In [7]:
a == b
Out[7]:
False
ผูกเงื่อนไขกับคำสั่ง
ในการเขียนคำสั่งเพื่อทำงานอย่างกรณีตัวอย่าง เราจะต้องผูกเงื่อนไขเข้ากับการกระทำของแต่ละกรณีเพื่อสร้างคำสั่งที่จะทำ หรือไม่ทำขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่ต้องเช็คก่อน ซึ่งเราสามารถทำได้โดยการใช้ If Statement
If Statement
เป็นคำสั่งที่เราจะนำ เงื่อนไข และการกระทำมาผูกกันเพื่อให้ได้คำสั่งที่ทำงานเมื่อเงื่อนไขใดๆ มีค่า True โดย if statement ใดๆ จะมีเงื่อนไขเดียว และคำสั่งเดียวที่ได้ทำงาน ซึ่งลำดับความสำคัญของเงื่อนไขจะมีความสำคัญไล่จากบนลงล่าง เมื่อเงื่อนไขด้านบนรับค่า True หรือคำสั่งในเงื่อนไขได้ทำงานแล้ว จะจบ if statement ทันที
if condition:
เป็นเงื่อนไขชุดแรกใน if statement ที่ใช้สร้าง if statement และมีความสำคัญที่สุด
In [8]:
if a > b:
print('a มีค่ามากกว่า b')
elif condition:
มีหรือไม่มีก็ได้ เป็นเงื่อนไขที่ต่อเติม if statement ให้สามารถทำงานได้หลากหลายกรณียิ่งขึ้น
In [9]:
if a > b:
print('a มีค่ามากกว่า b')
elif a < b:
print('a มีค่าน้อยกว่า b')
a มีค่าน้อยกว่า b
else:
มีหรือไม่มีก็ได้ เป็นเงื่อนไขที่จะทำงานเมื่อเงื่อนไขด้านบนทั้งหมดไม่ทำงาน ดังนั้นหากมี else: อยู่ ใน if statement เงื่อนไขนี้จะสั่งคำสั่งแน่นอน
In [10]:
if a > b:
print('a มีค่ามากกว่า b')
elif a < b:
print('a มีค่าน้อยกว่า b')
else:
print('a มีค่าเท่ากับ b')
a มีค่าน้อยกว่า b
ตัวอย่างเงื่อนไขที่ใช้ได้
หลักสำคัญของการเพิ่มความฉลาดของโปรแกรมของเรา คือการสร้างเงื่อนไขให้ตอบโจทย์การใช้งานของเรา ซึ่งมีหลายเครื่องมือที่ช่วยให้เราสามารถสร้างเงื่อนไขได้ เช่น
การเปรียบเทียบทางคณิตศาสตร์
ที่สร้างขึ้นเพื่อเลียนแบบเงื่อนไข โดยมีผลลัพธ์เป็น True ในกรณีที่ต้องการให้เงื่อนไขเป็นจริง และ False ในกรณีที่ต้องการให้เงื่อนไขไม่เป็นจริง
In [11]:
a > b
Out[11]:
False
การใช้คำสั่งเฉพาะ
ที่ถูกสร้างเพื่อใช้สร้างเงื่อนไข หรือการสร้าง Boolean โดยเฉพาะ เช่น การเช็คว่า มี object ที่ต้องการ อยู่ใน list หรือไม่ ด้วยคำสั่ง in
In [12]:
5 in [5,10,15]
Out[12]:
True
การใช้ Method
หลาย object มาพร้อมกับ method ที่สามารถใช้สร้างค่า Boolean และใช้สร้างเงื่อนไขได้ เช่น method ที่ทำงานร่วมกับ string
In [13]:
'Xippar'.startswith('X')
Out[13]:
True
เสร็จสิ้นสร้างโปรแกรมที่ฉลาดด้วย If statement
เรียนเรียน Python จาก 0 ฉบับวัยทำงานยุคใหม่
เริ่มไว ใช้ได้ทันที พร้อมการดูแลจากผู้สอนโดยตรง และกลุ่มแลกเปลี่ยนความรู้
เรียนรู้เกี่ยวกับคอร์สเรียนเพิ่มเติม https://ultimatepython.teachable.com/p/python-automation
Comments